FSC และการรับรองทางป่าไม้ (Forest Certification)
FSC (Forest Stewardship Council)
เป็นองค์กรเอกชนภายใต้ความร่วม-มือของกลุ่มต่างๆจากทั่วโลก อาทิ กลุ่มอนุรักษ์ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม ผู้ค้าไม้ ผู้ผลิตสินค้าจากไม้ และองค์กรผู้ให้การรับรองไม้ และผลิตภัณฑ์จากไม้ เพื่อจัดทำระบบการให้การรับรองไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ซึ่งเป็นการรับประกันว่า ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ได้รับการประทับเครื่องหมาย FSC เป็นไม้และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไม้จากป่าธรรมชาติหรือป่าปลูกที่มีการจัดการป่าอย่างถูกต้องตามหลักการที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ คือมีการปลูกไม้แบบยั่งยืน
ตัวอย่างใบรับรองFSC
การรับรองทางป่าไม้ (Forest Certification)
การรับรองทางป่าไม้ (Forest Certification) เป็นเครื่องมือหรือวิธีการใหม่ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อวงการป่าไม้ทั่วโลก โดยการใช้การตลาดเป็นข้อกำหนดในการจูงใจให้ปรับปรุงวิธีการจัดการป่าไม้ โดยวิธีการที่ได้รับการยอมรับแพร่หลายและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการชักจูงให้กระทำตามโดยมิใช่บังคับโดยกฎหมายหรือกฎระเบียบต่างๆอย่างที่เคยปฏิบัติมาในอดีต และประการสำคัญวิธีการนี้สามารถช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ (Stake – holders) หันหน้าเข้าหากันเพื่อที่จะเดินไปตามหลักการของการพัฒนาแบบยั่งยืน
การรับรองป่าไม้ (F.C) ได้มีการพัฒนาต่อจากการประชุม UNCED (United Nation Conference on Environment and Development) ที่เมือง Rio de Janeiro, ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 3 – 14 มิถุนายน ปี 1992 ซึ่งมีข้อสรุปร่วมกันที่จะให้ความสนใจ 3 ประการหลัก คือ
1. ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biological Diversity)
2. การเปลี่ยนแปลงของชั้นบรรยากาศ (Climate Change)
3. Combat Desertification
และได้มีการกำหนดหลักการป่าไม้ขึ้นมา (Forest Principles) สำหรับเป็นหลักในการนำไปปฏิบัติทั่วโลก และจากการประชุมการป่าไม้ของทวีปยุโรปที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ในปี 1993 ได้มีการกำหนดเรื่องหลักเกณฑ์การจัดการป่าไม้แบบยั่งยืนขึ้นมา โดยจะต้องมีการดำเนินการอย่างมีมาตรฐาน และในการนำสินค้าออกจากป่าก็ควรจะต้องดำเนินการในลักษณะการจัดการป่าไม้แบบยั่งยืน รวมทั้งมีแนวความคิด เรื่องการติดฉลากรับรองสินค้าจากไม้ (Labelling) และในปี 2000 ประเทศสมาชิกของ ITTO (International Tropical Timber Organization) ได้มีการตกลงกันว่าให้ประเทศสมาชิกเสนอแนวทางในการดำเนินการกำหนดหลักการจัดการป่าไม้แบบยั่งยืน เพื่อจะได้ใช้ในการปฏิบัติการต่อไป
จากมุมมองความต้องการที่จะจัดการป่าไม้แบบยั่งยืน (Sustainable Forest Management) ได้แพร่หลายไปทั่วโลก ทำให้องค์กรเอกชนต่างๆ ที่ไม่สามารถไปบอกกล่าวให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ดำเนินการจัดการป่าไม้แบบยั่งยืน ได้รวมตัวกันชักชวนให้ผู้บริโภค เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ไม้และกระดาษที่มาจากป่าไม้ที่มีการจัดการแบบยั่งยืน ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ผู้ผลิตเริ่มหันมาสนใจต่อทรัพยากรมากขึ้น จึงได้เกิดมิติใหม่ในวงการป่าไม้ของโลก คือ การรับรองทางป่าไม้ (Forest Certification) เพื่อป้องกันรักษาทรัพยากรป่าไม้ทั่วโลก
เพื่อขจัดความสับสนในหมู่ผู้บริโภคและผู้ผลิต และหาข้อยุติเรื่อง F.C. จึงได้เกิดมีการรวมตัวกันระหว่างตัวแทนองค์กร สิ่งแวดล้อม นักวิชาการป่าไม้ ผู้ค้าไม้ องค์กรชุมชนท้องถิ่น สมาคมป่าชุมชน และสถาบันรับประกันผลผลิตป่าไม้ ร่วมกันจัดตั้งองค์กรที่เรียกว่า Forest Stewardship Council หรือ FSC ขึ้นมา เพื่อสนับสนุนการจัดการป่าไม้ ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม รวมทั้งผลตอบแทนที่ดีต่อภาคเศรษฐกิจและสังคม (Environment, Economic and Social) โดยเน้นถึงการจัดการป่าไม้ที่ดีและมีเป้าหมายที่จะประเมินและมีการแต่งตั้งผู้นำการรับรอง (Certifier) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนามาตรฐานระดับชาติ (National Standard) สำหรับการจัดการป่าไม้ โดยการจัดการให้การศึกษาและฝึกอบรม FSC ได้ประชุมกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและผู้จัดการป่าไม้ที่ เมืองวอชิงตันดีซี ในเดือนมีนาคม ปี 1992 ซึ่งทำให้เกิดการแต่งตั้งคณะกรรมการชั่วคราว (Interim Board) ขึ้นมาเพื่อดำเนินการปรึกษาหารือและพัฒนาหลักการและมาตรฐาน (Principles and Crierias) เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการรับรอง (Certification)
ต่อมาได้มีการประชุมเพื่อร่วมก่อตั้งองค์กรขึ้นที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1993 ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมประชุม 130 คน จาก 25 ประเทศ และได้มีการลงมติให้ FSC เป็นองค์กรที่มีสมาชิกและเลือกคณะกรรมการบริหารขึ้นมา โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Oaxaca ประเทศเม็กซิโก
วัตถุประสงค์ในการก่อตั้งองค์กร
เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีระบบการจัดการป่าไม้ เพื่อการค้าทั่วโลกให้เหมาะสมมีแนวทางครอบคลุม 3 ประการหลัก คือ การจัดการป่าไม้ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม มีการใช้ทรัพยากรป่าไม้ที่คงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพของป่า และมีความสมดุลทางระบบนิเวศน์ การจัดการป่าไม้เพื่อสังคม เป็นการช่วเหลือชุมชนในท้องถิ่นให้ได้รับผลประโยชน์จากป่าไม้ในระยะยาว และการจัดการป่าไม้ที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่คุ้มค่า
ภารกิจขององค์กร
1. เป็นผู้กำหนดหลักการและมาตราฐานในการจัดการป่าไม้เพื่อการค้า สำหรับใช้กับป่าไม้ทั่วโลกที่มีการจัดการป่าไม้เพื่อการค้า โดยผ่านผู้ให้การรับประกัน ซึ่งมาตราฐานเหล่านี้จะสอดคล้องกับสถานการณ์ท้องถิ่น
2. แต่งตั้งผู้ให้การประกันออกไปทำหน้าที่ตรวจสอบและออกใบรับประกันให้กับผู้ประกอบการ ว่ามีคุณสมบัติตามหลักการและมาตราฐานตามที่ FSC กำหนด และสามารถให้ตราสัญลักษณ์ของ FSC กับผลิตภัณฑ์ได้
3. เป็นองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือในด้านความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการป่าไม้ โดยการให้การศึกษาและฝึกอบรม สนับสนุนและให้การช่วยเหลือองค์กรอื่นๆ และผู้สนใจ ในการจัดการป่าไม้ที่ดี ทั้งหน่วยงานเอกชนและของรัฐ เช่น ช่วยเหลือในการวางแผน และกำหนดมาตราฐานการจัดการป่าไม้
4. ช่วยเหลือและสนับสนุนนโยบายทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับชาติ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
5. จัดตั้งหน่วยงานเพื่อการค้นคว้า ศึกษาวิจัย เกี่ยวกับการจัดการป่าไม้ที่ดี
6. จัดการหาเงินทุนที่จะต้องใช้ในองค์กรเพื่อดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ ทั้งที่ได้รับบริจาคจากบุคคลภายนอก หรือในรูปของสิทธิพิเศษต่างๆ ในการกระทำการใดๆ โดยไม่ขัดกับกฎหมายและข้อบังคับ
FSC มีวิธีปฏิบัติสำหรับผลิตภัณฑ์และการจัดการป่าไม้ในลักษระของความสมัครใจ นอกจากนี้ FSC ยังดำเนินรอยตามหลักการที่เหมาะสมบางอย่างของระบบ ISO